คุณรู้หรือไม่ว่า ร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 2/3 ส่วน ดังนั้น น้ำจึงจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเรามาก ในวันหนึ่งเราควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร หรือประมาณ 8-10 แก้ว และเลือกดื่มน้ำสะอาด ก็จะทำให้เราปลอดภัยจากโรคติดต่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคบิด อุจจาระร่วง และอีกหลายๆ โรค
น้ำสะอาดหรือไม่สะอาด เราจะมีวิธีเลือกอย่างไร ง่ายๆ เลยค่ะ น้ำสะอาดต้องใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และไม่มีแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือปน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้ำมีแร่ธาตุอะไรปะปนอยู่บ้าง แล้วจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันอย่างไร
มีผลการสำรวจพบว่า น้ำดื่ม 1,099 ตัวอย่างจากโรงเรียนทั่วประเทศ ไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยมากถึง 62.53% เป็นน้ำดื่มทั้งในเขตชนบทและในเขตเมือง เมื่อตรวจสอบไปก็พบว่า น้ำประปาดื่มได้จะกลายเป็นน้ำอันตราย เพราะปัญหาจากเครื่องกรองน้ำ
การใช้เครื่องกรองน้ำประปา จะต้องหมั่นล้างเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนด แต่หลายที่ไม่เคยมีการล้างเครื่องกรองและเปลี่ยนไส้กรองเลย เลยกลายเป็นที่กักเก็บเชื้อโรคและสิ่งสกปรกแทน น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองก็เลยกลายเป็นน้ำที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค
นอกจากเรื่องของเชื้อโรคแล้ว ยังมีเรื่องน่ากลัวอีกคือ น้ำที่มีสารตะกั่วปนเปื้อน แล้วตะกั่วมาอยู่ในน้ำได้อย่างไร?
เคยสังเกตมั้ยคะว่า ในโรงเรียนเกือบทุกโรงจะมีตู้แช่น้ำเย็นสำหรับดื่ม แต่การเชื่อมต่อเพื่อประกอบเป็นตู้แช่ ท่อต่อน้ำไปยังก๊อกน้ำ รวมทั้งลูกลอย จะใช้ตะกั่วในการเชื่อม เมื่อน้ำประปาดีๆ เก็บกักในถัง… สารตะกั่วจะค่อยๆ ละลายผสมในน้ำ สารตะกั่วมีอันตรายต่อร่างกายมาก เพราะจะไปสะสมที่สมอง ทำลายสมอง และสะสมที่ไขกระดูก ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กลดลง เมื่อสารตะกั่วสะสมในร่างกายแล้ว โอกาสที่ร่างกายจะขับออกมาได้ก็มีน้อยมากหรือแทบไม่ได้เลย
การเลือกซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดก็ไม่ยาก แค่ดูฉลากที่มีข้อความบอกชื่อน้ำดื่ม ผู้ผลิต สถานที่ตั้ง ปริมาตรสุทธิ เครื่องหมาย อย. และเลขทะเบียน ก็ถือว่าเป็นน้ำดื่มที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานและปลอดภัย น้องๆ ยังอาจจะสังเกตขวดที่ใส่น้ำว่าสะอาดหรือไม่ด้วย ถ้าเป็นขวดพลาสติกใส ก็ให้ดูว่าน้ำในขวดใส ไม่มีสี ไม่มีตะกอน เพียงเท่านี้ น้องๆ ก็จะได้ดื่มน้ำสะอาดและปลอดภัยแล้วค่ะ